หอยทากชราเล่าเรื่อง : ไข่มุก อัญมณีแห่งความมั่งคั่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกหอย
เผยแพร่ : 29/6/2565
จำนวนผู้เข้าชม : 1,647
ไข่มุก คือ หอยที่มีมุกฝังอยู่
เอาล่ะเด็กเอ๋ย เรามาเจอกันอีกแล้ว คราวนี้คนแก่จะมาเล่าเรื่องไข่มุกให้ฟัง มีใครทราบบ้างไหมเอ่ยว่า ไข่มุก มันมีความหมายว่าอย่างไร มา…. ล้อมวงมานั่งฟังกัน
โดยนัยแห่งความหมายที่ไขขานไว้แต่ปางบรรพ์ ไข่มุก หรือ PEARL มีที่มาจากภาษาละติน คือคำว่า PILULA ที่แปลว่าลูกบอล ตั้งแต่โบราณกาล คนรู้จักไข่มุกในชื่อของ มาร์กาไรต์ (MARGARTITE) ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า MARGARITIFERA มีความหมาย เน้นเด่นชัด คือ หอยที่มีมุกฝังอยู่
ภาพหอยที่มีไข่มุกฝังอยู่
ไข่มุก เครื่องประดับแสดงฐานะ
ไข่มุกนี้นอกจากจะนิยมทำเป็นเครื่องประดับของผู้หญิง เช่น สร้อยคอ ทำหัวแหวน ต่างหู เครื่องประดับเสื้อ สร้อยข้อมือ และอื่น ๆ อีกมากมายขอรับ แต่สำหรับผู้ชายแล้ว กระผมเองก็ยังนึกไม่ออกว่ามันจักเอามาทำเครื่องประดับใดได้บ้าง เท่าที่นึกออกก็แต่เพียงเข็มกลัดเน็คไท
นอกจากจะใช้เป็นเครื่องประดับกายแล้ว คนที่มีสตางค์มาก ๆ หรือมหาเศรษฐี เข้าทำนองพระยาโชฎึก อันนี้เป็นตำแหน่งของมหาเศรษฐีสมัยก่อนขอรับ มิใช่หมายความว่าชอบโชว์อะไรตอนดึก ๆ แล้วได้เป็นพระยา ตำแหน่งนี้ถ้าไม่รวย อภิมหารวยจริงไม่มีทางได้ โดยจะนำเอาไข่มุกไปทำตุ๊กตาตุ๊กตุ่น หรือเครื่องใช้ก็มี
อย่างเช่น ตุ๊กตาไข่มุกซึ่งกษัตริย์อินเดียพระองค์หนึ่งได้พระราชทานให้แก่สุลต่านอับดุลอาซิลในคราวฉลองการเข้าสุหนัดของพระโอรสเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตุ๊กตาตัวนี้ทำด้วยไข่มุกขนาดใหญ่เม็ดเดียว กางเกงทำด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงิน ผ้าโพกศีรษะประดับด้วยเพชรและทับทิม ตุ๊กตาตัวนี้นั่งอยู่ในปราสาททองสูง 7 นิ้ว นอกจากนั้นพระองค์ยังได้รับตุ๊กตาไข่มุกอีกตัวหนึ่งเป็นรูปเด็กรับใช้สูง 3 นิ้ว เฉพาะตัวกางเกงของตุ๊กตาเป็นไข่มุกซึ่งมีลักษณะพิเศษแยกเป็นสองง่าม นอกนั้นประดับด้วยเพชรพลอยอย่างงดงาม ว่ากันว่าตุ๊กตาตัวที่นั่งอยู่ในปราสาทนั้นเป็นตุ๊กตาไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่ Topkapi Sarayi Museum ในกรุงอิสตันบลู
เครื่องประดับไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับไข่มุกที่ทำเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น เห็นจะได้แก่ไข่มุกที่มีชื่อว่า “ไข่มุกแห่งเอเชีย หรือ Pearl of Asia” ซึ่งทำเป็นช่อผลไม้สำหรับประดับเสื้อของสตรี ไข่มุกเม็ดนี้เป็นไข่มุกธรรมชาติรูปหยดน้ำยาว 3 นิ้ว โดยประมาณ กว้าง 2 นิ้ว โดยประมาณ พบโดยประดาน้ำชาวเปอร์เซียเมื่อปี ค.ศ. 1628
ไข่มุกเม็ดนี้มีประวัติส่วนตัวที่พิลึกพิลั่นมิธรรมดา ด้วยว่ากันว่า จักรพรรดิราชวงศ์โมกุล ทรงพระนามว่า ชาว์ชะฮาน แห่งอินเดีย ได้ทรงซื้อไปจากนักประดาน้ำคนนั้น เพื่อเอาไปทำเครื่องประดับ และพระราชทานแด่ มุมทัช ผู้เป็นพระมเหสีสุดที่รักของพระองค์
นอกจากนั้นพระองค์ยังได้ทรงสร้าง ทัชมาฮาล อันมีชื่อเสียงของโลกพระราชทานแด่พระมเหสีองค์นี้อีกด้วย ในศตวรรษต่อมา ไข่มุกเม็ดนี้ก็ได้ถูกขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งเอเชีย” และตกทอดไปอยู่ในบัญชีทรัพย์สินส่วนพระองค์ของจักรพรรดิจีนราชวงศ์แมนจู ผู้ทรงพระนามว่า เซียนลุง
เมื่อจักรพรรดิพระองค์นี้เสด็จสวรรคต ในปี ค.ศ. 1799 ไข่มุกเม็ดนี้ถูกฝังไว้ในฮวงซุ้ยขององค์พระจักรพรรดิ เรื่องราวต่อมาเป็นเยี่ยงไรมิปรากฏ แต่อีก18 ปี ต่อมา ไข่มุกเม็ดนี้ก็ตกไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินของสภาแคธอลิกแห่งฮ่องกง เมื่อสภาแคธอลิกไม่สามารถหาเงินมาใช้ได้ หลักประกันเม็ดนี้ก็หลุด และถูกนำไปขายในกรุงปารีส เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เล็กน้อยนี่เองขอรับ โดยมีผู้ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ด้วยจักเกรงว่าองค์พระจักรพรรดิจะมาทวงคืนหรืออย่างไรมิทราบได้ รับซื้อไปในราคาขณะนั้น 50,000 ดอลลาร์
พรมปูพื้นจากไข่มุก
ในศตวรรษที่ 18 มีสุภาพสตรีชาวอินเดียได้นำเอาไข่มุกมาร้อยเป็นพรมปูพื้นผืนหนึ่งกว้าง 6 ฟุต ยาว 10 ฟุต โดยใช้ไข่มุกธรรมชาติล้วน ๆ เป็นจำนวนหลายล้านเม็ด พรมผืนนี้ใช้ปูในห้องแต่งตัวของสุภาพสตรีผู้มีชื่อเสียงนางหนึ่งของอินเดียในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ปัจจุบัน พรมผืนนี้เก็บรักษาอยู่ในวัง Gaekwer ที่เมืองบาโรดาในอินเดีย แถมต้องจัดคนเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืนเพราะว่ามันมีมูลค่ามหาศาลเหลือเกินขอรับ คงกลัวหายกระมัง อย่าได้ดูเบาเจียว
ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Pearl of Allah”
ในบรรดาไข่มุกที่ยังมิได้ตกแต่งนั้น และเชื่อว่าเป็นไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ “Pearl of Allah” โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 9.45 นิ้ว หนัก 6.4 กก.หรือ 128,000 Pearl Grains มูลค่าล่าสุดเมื่อปีค.ศ.2006 ถูกตีราคาไว้ที่ 61,850,000 ดอลลาร์อเมริกัน
ภาพไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ประวัติของไข่มุก “Pearl of Allah”
สำหรับประวัติของไข่มุกเม็ดนี้นั้น ว่ากันว่าเป็นไข่มุกที่ได้จากท้องทะเลโดยประดาน้ำชาวมุสลิมในประเทศฟิลิปปินส์ที่ชายทะเลของเกาะปาลาวัน เมื่อปีค.ศ. 1934 โดยที่นักประดาน้ำคนพบนั้นได้ดำน้ำลงไป แต่จะหาอะไรนั้นกระผมมิสามารถทราบได้ขอรับ แต่นับว่าเป็นคราเคราะห์ของกระทาชายนายนั้นที่โดนยหอยมือเสือ (Tridacna gigas) หนีบแขน (ตามประวัติเขาว่าไว้อย่างนั้น จริงเท็จเยี่ยงไร จุ่งไปถามเจ้าตัวเองเถิด) ทำให้จมน้ำตาย เมื่อนำศพขึ้นมาบนฝั่ง ว่ากันว่า (อีกแล้ว) เจ้าหอยตัวนี้ยังหนีบติดแขนเจ้าของขึ้นมาด้วย
ต่อมาก็มีหัวหน้าทางศาสนามุสลิม คงเข้าทำนอง ประมุขเกาะ หรือหัวหน้าเกาะกระมัง มาชันสูตรพลิกศพเพื่อเป็นพยานรู้เห็นในการตายตามธรรมเนียมศาสนา ซึ่งการชันสูตรศพนี้ก็ต้องมีค่าธรรมเนียมเช่นเดียวกับค่าธรรมเนียมทั้งหลาย ท่านหัวหน้าก็เลยออกปากขอหอยตัวนั้นแทนค่าธรรมเนียม ซึ่งญาติพี่น้องก็ยกให้โดยไม่ติดใจ
เมื่อหัวหน้าท่านแกะหอยออกก็พบไข่มุกเม็ดขนาดยักษ์เม็ดหนึ่งอยู่ข้างใน และก็ช่างบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ ไข่มุกเม็ดนี้มีรูปร่างเหมือนหน้าคนที่โพกหัวซึ่งก็คล้าย ๆ ชาวอิสลามโดยทั่วไปที่โพกผ้า จึงได้ตั้งชื่อว่า “ไข่มุกของพระอัลลาห์ หรือ Pearl of Allah”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง Mr. Wilbur Dowell Cobb ขอเรียกสั้น ๆ ว่า Cobb แล้วกันนะขอรับ กำลังทำการสำรวจโบราณวัตถุอยู่ในฟิลิปปินส์ เมื่อได้ยินข่าวนี้จึงรีบไปเจรจาติดต่อขอซื้อ ก็ได้รับการปฏิเสธทำนองว่า ไข่มุกเม็ดนี้แลกมากับชีวิตคนคนนึง อีกทั้งยังเป็นของที่ผู้คนนับถือคงจะขายมิได้ดอก มิว่าจักให้ราคาสักเท่าใดก็ตาม Mr. Cobb จึ่งได้หน้าหงายเงิบกลับมา
อีก 2 ปีต่อมา Mr. Cobb ซึ่งก็ยังทำการสำรวจมิสำเร็จเสร็จสิ้นเสียที อาจจะนับว่าเป็นคราวที่โชคดีจักมาเยือน Mr. Cobb กระมัง ที่เผอิญให้ตะแกก็ได้รับคำร้องขอจากหัวหน้ามุสลิมเจ้าของไข่มุก ให้ไปช่วยรักษาลูกชายของเขา ซึ่งเป็นไข้มาลาเรีย อาการเพียบหนักมากแล้ว ด้วยว่าให้กินยาใด ๆ ก็ไม่ได้ผล แต่ตะแกมียาที่เพิ่งค้นพบใหม่ ๆ สำหรับสู้กับโรคนี้ ยังผลให้ลูกชายหัวหน้าท่าน หายจากโรคร้าย มิต้องไปอยู่กับพระเจ้าก่อนวัยอันควร ทำเอาผู้เป็นพ่อรู้สึกสำนึกในบุญคุณครั้งนี้มาก
อีก 1 เดือนต่อมา ตะแกก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้านของหัวหน้ามุสลิมนั้น และหัวหน้าท่านก็ได้ออกปากยกไข่มุกเม็ดนี้ให้แก่เขาฟรี ๆ ในฐานะที่เป็นผู้ชุบชีวิตลูกขายแก ซึ่ง Mr. Cobb ก็คงจะอิดออดพอเป็นพิธี และสุดท้ายก็รับเอาไว้ (ด้วยความยินดียิ่ง) และเมื่อกลับไปอเมริกา ก็จัดส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดู ก็ได้รับการรับรองว่า เป็นไข่มุกแท้ มีอายุราว 350 ปี ส่วนหอยนั้นมีอายุราว 450 ปี (อันนี้ก็ว่ามาตามที่ “เขาว่ากันว่า” อีกทีนะขอรับ)
ชื่อใหม่ของไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Pearl of Lao-Tzu”
จนถึงปี ค.ศ.1980 ทายาทของคอปป์ได้ขายไข่มุกเม็ดนี้แก่ร้านจิวเวอรี่ที่เบเวอร์รี่ฮิลล์ เป็นเงิน 200,000 ดอลลาร์ ในขณะที่มูลค่าล่าสุดเมื่อ ปี ค.ศ.2006 ถูกตีราคาไว้ที่ 61,850,000 ดอลลาร์อเมริกัน เองขอรับ ต่อมา ก็ได้มีชาวจีน (ถ้าจำไม่ผิด) มาติดต่อขอดูไข่มุกเม็ดนี้ เมื่อได้เห็นไข่มุกถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความปิติออกมา บอกว่า เป็นไข่มุกในตำนานของตระกูลตนแน่แท้เจียว โดยพวกเขาอ้างว่า เป็นทายาทสืบเชื้อสายมาจากเล่าจื๊อ และมีเรื่องเล่ากล่าวขานมาในอดีตว่า เล่าจื๊อเคยมาที่ริมฝั่งทะเลและโยนไข่มุกลงไปในทะเล พร้อมทั้งพยากรณ์เอาไว้ว่า สักวันหนึ่งจักต้องมีผู้พบไข่มุกเม็ดนี้ และพวกเขาก็ยังบอกอีกว่า รูปหน้าบนไข่มุกนั้น ช่างเหมือนท่านเล่าจื๊อเสียนี่กระไร ไข่มุกเม็ดนี้จึงได้รับชื่อใหม่อีกชื่อหนึ่งก็คือ “ไข่มุกของเล่าจื๊อ หรือ Pearl of Lao-Tzu” ขอรับ
แหล่งที่มา อ. สายสุวรรณ. 2523. เล่าเรื่องเทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : แพร่พิทยา. 542 หน้า. Brown, R.W.. 1956. Composition of scientific words. Baltimore: Reese Press. แหล่งที่มารูปภาพ 1) ไข่มุกดำ : http://www.rreinc.com/images/Pearls.jpg 2) ไข่มุกดำในเปลือก : http://www.ms-starship.com/journal/aug99/images/Pearls-in-shell.md34NZ3560.jpg 3) ไข่มุก : http://cache.eb.com/eb/image?id=93524&rendTypeId=4 4) Pearl of Allah 1-2 : http://www.fahad.com/2007/05/pearl-of-allah-60-million-worlds.html
Writer
Photographer
ปองพล สูตรอนันต์